มีคนแนะนำว่าในครัวควรมีน้ำมันสำหรับประกอบอาหารมากกว่า 1 ประเภท จริงหรือไม่

ที่มีการกล่าวเช่นนี้เพราะคุณสมบัติของน้ำมันพืชแต่ละชนิดแตกต่างกัน บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชหลายชนิดในยี่ห้อเดียวกัน จึงแนะนำการใช้น้ำมันพืชให้เหมาะสมกับคุณสมบัติทางเคมีของน้ำมันพืชแต่ละชนิดที่บริษัทนั้นจำหน่าย คุณสมบัติทางเคมีที่ใช้ตัดสินว่าน้ำมันชนิดนั้นเหมาะกับการประกอบอาหารด้วยความร้อนระดับใด คือ จุดเกิดควัน สามารถแบ่งน้ำมันตามอุณหภูมิของจุดเกิดควันได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

1. น้ำมันที่มีจุดเกิดควันค่อนข้างต่ำ ได้แก่ น้ำมันคาโนล่า (204.4 °C) น้ำมันมะกอก (210.0 °C) น้ำมันปาล์ม (216.0 °C) เหมาะกับการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนต่ำ ยกเว้นน้ำมันปาล์มที่นิยมนำไปใช้ทอดอาหารอย่างแพร่หลาย
2. น้ำมันที่มีจุดเกิดควันในระดับปานกลาง ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง (232.2 °C) น้ำมันข้าวโพด (232.2 °C) น้ำมันทานตะวัน (232.2 °C) น้ำมันดอกคำฝอย (232.2 °C) เหมาะกับการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนปานกลางอย่างการผัดทั่วไป ไม่เหมาะที่จะนำมาประกอบอาหารแบบทอดน้ำมันท่วม (Deep Fried) หรือการผัดด้วยไฟแรงๆ
3. น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) ได้แก่ น้ำมันรำข้าว (250.0 °C) น้ำมันเมล็ดชา (252.0 °C) สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทุกประเภท

ดังนั้น หากเลือกใช้น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) อย่าง น้ำมันรำข้าวก็ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันหลายชนิดมาใช้ในครัว มีน้ำมันรำข้าวเพียงขวดเดียวก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทุกประเภท ทั้งทอด ผัด ทำน้ำสลัด หรือ ทำขนมอบ